วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ประวัติของเค้ก

                      Cake มีรากศัพท์มาจากภาษาของชาวไวกิ้ง (Old Norse word) ว่า "kaka"

ประวัติเริ่มจากปี 1843 คุณอัลเฟรด เบิร์ด (Alfred Bird 1811-1878) นักเคมีชาวอังกฤษได้ค้นพบ "ผงฟู" หรือ "baking powder" ทำให้เขาสามารถทำขนมปังชนิดที่ไม่มียีสต์ให้กับภรรยาของเขา อลิซาเบธ (Elizabeth) ได้เป็นครั้งแรกเนื่องจากภรรยาของเขาเป็นโรคภูมิแพ้เกี่ยวกับ ไข่ และ ยีสต์
ในราวศตวรรษที่ 13 มีการค้นพบหลักฐานการอบขนมเค้กขั้นแอดวานซ์ที่เก่าแก่ที่สุดจากชาวอียิปต์โบราณโดยมักจะเป็นรสชาติของเค้กผลไม้ และGinger bread รูปแบบเค้กทรงกลมที่เราเห็นกันทุกวันนี้ เริ่มราวกลางศตวรรษที่ 17 ในยุโรป ซึ่งเป็นช่วงที่มีพัฒนาการของเตาอบ แบบพิมพ์ขนมและน้ำตาลทราย รสชาติที่นิยมก็ยังเป็นรสผลไม้้
Cake

ย้อนหลังจากวันนี้ไปประมาณ 60 ปี ธุรกิจขนมอบในเมืองไทยไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน จนไม่อาจเรียกว่าเป็นธุรกิจได้ ขนมปัง ขนมเค้ก คุกกี้ ก็ไม่ได้เป็นที่คุ้นเคยของคนทั่วไป จะมีก็เพียงคนกลุ่มหนึ่งซึ่งได้รับอารยธรรมตะวันตกมาก่อน และผู้ที่มีความใกล้ชิดกับชาวต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยที่รู้จักขนมอบ และมีร้านขนมอบเพียงไม่กี่ร้าน เพราะธุรกิจขนมอบในสมัยนั้นแคบมาก ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
ต่อมาคนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เริ่มรู้จักขนมอบมากขึ้นเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ประเทศไทยเริ่มเป็นที่รู้จักของประเทศต่างๆ มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น มีชาวต่างประเทศเข้ามาเมืองไทยทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ทำให้ธุรกิจโรงแรมขยายตัว จึงต้องผลิตอาหารประเภทขนมอบชนิดต่าง ๆ ขึ้นเช่นขนมปัง เค้ก เพสตรี้เพื่อบริการลูกค้าชาวต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคยอาหารไทย และนอกจากจะผลิตเพื่อบริการลูกค้าแล้ว โรงแรมยังมีบริการรับจัดเลี้ยงให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีการจัดประชุมสัมมนา งานพิธีมงคลสมรส งานวันเกิด และการจัดเลี้ยงสังสรรค์ ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์ขนมอบจึงเป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น
Cake คนไทย

ในขณะเดียวกันก็มีร้านเบเกอรี่ที่ผลิตขนมปัง ขนมเค้ก ขนมต่าง ๆ ออกขาย ธุรกิจขนมอบเริ่มจัดว่าเป็นธุรกิจได้เมื่อสมัยสงครามเวียดนาม ประมาณ 30 กว่าปีมาแล้วประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นที่พักของทหารอเมริกัน ช่วงนั้นกิจการขนมอบเริ่มขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากความต้องการอาหารประเภทนี้สูง จนถึงกับมีผู้คิดโรงโม่แป้งสาลีขึ้นในประเทศไทย และต่อมามีโรงโม่แป้งสาลีเพิ่มขึ้นอีก 23 แห่งแต่ละโรงโม่ก็ผลิตแป้งสาลียี่ห้อต่าง ๆ ออกจำหน่ายพร้อมกับมีการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ จัดการฝึกอบรมแนะนำลูกค้าผู้ใช้แป้งสาลีและผู้ประกอบกิจการขนมอบซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้สามารถนำแป้งไปใช้ทำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความถูกต้อง นับว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้แป้งสาลีเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อสงครามเวียดนามสิ้นสุดลง ธุรกิจขนมอบก็ยังดำเนินต่อไป และขยายตัวเพิ่มมากขึ้น คนไทยเริ่มบริโภคขนมปัง ขนมเค้ก คุกกี้ พาย พัฟ ฯลฯ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขนมอบมากขึ้น นักธุรกิจหลายรายเริ่มมองเห็นลู่ทางในการลงทุนทำธุรกิจนี้ เนื่องจากเห็นว่าผลิตภัณฑ์ขนมอบเข้ามามีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้น
Cake

นอกจากนั้นยังมีหน่วยงานต่าง ๆ เช่น วิทยาลัยสารพัดช่าง วิทยาลัยการอาชีพ วิทยาลัยอาชีวศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนของเอกชน ที่เปิดสอนด้านขนมอบ ได้ช่วยกันเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับขนมอบมากขึ้น พร้อมกับมีตำราการฝึกปฏิบัติทำขนมอบ มีประชาชนให้ความสนใจมาฝึกอบรมรับความรู้ เพื่อไปประกอบเป็นอาชีพ หรือทำบริโภคเองภายในครอบครัว

ความเป็นมาของเค้กแต่งงาน

ในสมัยโบราณ เจ้าสาวจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสขนมเค้กแต่งงานเลย เนื่องจากเค้กแต่งงานในยุคเริ่มแรกนั้น ทำขึ้นเพื่อ “ปา” ใส่เจ้าสาว เค้กแต่งงานมีพัฒนาการในฐานะที่เป็นหนึ่งในบรรดาสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ที่จะขาดเสียมิได้ในพิธีแต่งงาน ในยุคที่ผ่าน ๆ มา ผู้คนจะคาดหวังว่า บุตรสืบสกุลจะติดตามมาทันทีภายหลังการแต่งงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่แน่นอนพอ ๆ กับมีกลางวันแล้วต้องมีกลางคืน
Cake แต่งงาน
ข้าวสาลีซึ่งถือกันมานานแล้วว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง เป็นเมล็ดธัญพืชที่ใช้โปรยใส่เจ้าสาวตามพิธีการ หญิงสาวที่ยังไม่มีคู่ครองจะแย่งกันเก็บเมล็ดข้าวสาลีเพื่อเป็นเครื่องประกันว่า พวกเธอก็จะได้แต่งงานในไม่ช้า การแย่งเมล็ดข้าวสาลีนี้มีคตินิยมเช่นเดียวกับการแย่งช่อดอกไม้ของเจ้าสาวในยุคปัจจุบัน

ช่างทำขนมชาวโรมันซึ่งมีฝีมือการอบขนมเป็นที่ยกย่องเลื่องลือ เป็นผู้เปลี่ยนแปลงประเพณีปฏิบัติดังกล่าว โดยเมื่อราว 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกช่างทำขนมได้ริเริ่มอบขนมเค้กชิ้นเล็กๆ มีรสหวาน ทำจากข้าวสาลีเพื่อใช้รับประทานในงานแต่งงานแทนที่จะใช้ “ปา” อย่างไรก็ดี แขกที่มาร่วมงานไม่ค่อยชอบใจนักที่อดสนุกกับการโปรยเมล็ดข้าวสาลีใส่เจ้าสาว จึงมักจะโยนเค้กชิ้นเล็ก ๆ นี้แทน

กวีและปราชญ์ชาวโรมันชื่อ ลูครีเชียส บันทึกไว้ว่าพัฒนาการของการโยนขนมเค้กใส่เจ้าสาวลดความ “รุนแรง” ลงโดยเปลี่ยนเป็นการละเลงขนมลงบนศีรษะของเจ้าสาว และเพื่อสืบทอดความหมายในเชิงสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์คู่บ่าวสาวต้องรับประทานส่วนของขนมที่ถูกละเลงแล้วร่วมกันด้วย
ประเพณีปฏิบัตินี้แพร่หลายไปทั่วยุโรปตะวันตก ในประเทศอังกฤษเมื่อคู่บ่าวสาวรับประทานขนมแล้ว ต้องจิบเหล้าชนิดพิเศษซึ่งเรียกกันว่า “เหล้าเจ้าสาว” ตามด้วยพิธีโยนเค้กแต่งงานเพื่อเป็นเครื่องหมายให้คู่บ่าวสาว “มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง” นั้นเปลี่ยนแปลงไปอีกในสมัยกลางตอนต้น เมื่อเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง เมล็ดข้าวสาลีดิบถูกนำกลับมาใช้โปรยใส่เจ้าสาวอีกครั้งหนึ่ง ขนมเค้กซึ่งเคยอบอย่างพิธีพิถันก็เปลี่ยนเป็นเพียงขนมปังกรอบ หรือขนมปังก้อนเล็ก ๆ ชนิดนุ่มรสหวานที่เรียกว่า “สคอน” (scone) เพื่อรับประทานร่วมกันในงานแต่งงาน แขกที่มาร่วมงานก็จะอบขนมกันมาเอง ส่วนที่เหลือจะนำไปแจกจ่ายให้คนยากจน ประเพณีปฏิบัติที่ประหยัดเรียบง่ายนี้เอง เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยความช่างประดิษฐ์ประกอบกับการดูแคลนทุกสิ่งที่เป็นอังกฤษของชาวฝรั่งเศส กลับเป็นที่มาของเค้กแต่งงานเป็นชั้น ๆ ซึ่งหรูที่สุด
Cake     Scone

ตำนานเล่าว่า ทั่วทุกแห่งในเกาะอังกฤษจะถือเป็นธรรมเนียมที่จะนำขนมปังกรอบ และสคอน ซึ่งแขกนำมาช่วยงานวางซ้อน ๆ กันเป็นกองใหญ่มหึมายิ่งกองสูงเท่าใดยิ่งดี เพราะถือกันว่าความสูงของกองขนมชี้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของคู่สมรสในอนาคต และเป็นธรรมเนียมอีกว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องแลกจุมพิตกันบนกองขนม
ในช่วงค.ศ. 1660-1669 ระหว่างสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 พ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ได้ไปเที่ยวกรุงลอนดอนและเห็นพิธีการ “กองเค้ก” พ่อครัวคนนี้รู้สึกใจหายใจคว่ำกับลักษณะที่คนอังกฤษเรียงขนมเค้กซ้อน ๆ กันและบ่อยครั้งที่กองขนมพังครืนลงมา เขาจึงได้ความคิดที่จะทำขนมเค้กก้อนใหญ่เป็นชั้น ๆ เคลือบด้วยน้ำตาลไอซิง ซึ่งให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมาะกับพิธีแต่งงาน มากกว่ากองภูเขาขนมปังกรอบที่แสนจะธรรมดา หนังสือพิมพ์อังกฤษในสมัยนั้นพากันประสานเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายของชาวฝรั่งเศส
แต่ปรากฏว่าก่อนจะสิ้นสุดศตวรรษที่ 17 ช่างทำขนมชาวอังกฤษก็พร้อมใจกันทำขนมเค้กแต่งงานก้อนมหึมาเป็นชั้น ๆ บริการให้แก่บรรดาลูกค้าของพวกเขา เค้กแต่งงานโดยส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ มีรูปร่างเป็นชั้นๆเรียงกันขึ้นไป และมีการตกแต่งอย่างสวยสดงดงามด้วยครีมและน้ำตาลแต่งหน้าเค้ก ซึ่งในบางครั้งอาจมีการนำอัลมอนด์มาเป็นส่วนผสมในการทำ โดยส่วนยอดของขนมเค้กนั้นมักประดับด้วยตุ๊กตาแทนตัวบ่าวสาว หรือในบางความคิดอาจใช้เป็นรูปนก รูปแหวนทอง หรือรูปเกือกม้า ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และความเจริญรุ่งเรืองสำหรับคู่บ่าวสาว ซึ่งลักษณะของเค้กแต่งงานที่ดีจะต้องมีเนื้อแน่นสามารถรับน้ำหนักของชั้นเค้กที่ตกแต่งอย่างสวยงามได้และที่สำคัญยังต้องรับประทานได้และอร่อยอีกด้วย สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยทักษะ ฝีมือความคิดสร้างสรรค์และความปราณีตเป็นอย่างมากจากพ่อครัว หรือผู้ทำขนม

Wedding Cake

ส่วนประเพณีการตัดเค้กนั้น โดยส่วนใหญ่เจ้าสาวจะต้องเป็นคนตัดเค้กเอง โดยที่เจ้าบ่าวมีหน้าที่แค่คอยช่วยเหลือ ซึ่งในประเพณีโบราณ ฝ่ายเจ้าสาวจะต้องตัดเค้กแล้วนำขนมเค้กที่ตัดแล้วไปมอบให้แก่บุคคลต่างๆ ในครอบครัวของเจ้าบ่าวเพื่อแสดงความเคารพ และแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังจะก้าวเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวเจ้าบ่าวนับจากนี้เป็นต้นไป อีกทั้งยังมีประเพณีที่ให้คู่บ่าวสาวป้อนเค้กให้กันและกัน คือการสื่อความหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องสร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่จะต้องดูแลกันและกันตลอดไป หลังตัดเค้กเป็นชิ้นๆแล้วฝ่ายบ่าวสาวก็จะแบ่งเค้กเหล่านั้นให้กับผู้ที่มาร่วมพิธีได้รับประทานกันซึ่งอาจจะรับประทานเลยหรือนำกลับบ้านไปฝากบุคคลที่ไม่ได้มาร่วมงานก็อาจเป็นได้ ซึ่งในประเพณีโบราณเชื่อว่า หากเพื่อนเจ้าสาวคนไหนอยากฝันเห็นเนื้อคู่ของคนในอนาคต ให้นำเค้กแต่งงานไปไว้ใต้หมอนหรือข้างหมอนแล้วนอนหลับ สาวคนนั้นจะฝันเห็นคู่ชีวิตของตน

หลังจากวันแต่งงานของคู่บ่าวสาวในยุโรปนิยมเก็บเค้กชั้นบนสุดไว้แล้วนำออกมารับประทานใหม่ในวันครบรอบแต่งงานหนึ่งปีและการฉลองอีกครั้งก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการให้กำเนิดเจ้าตัวน้อย เพราะเหตุนี้เค้กบางส่วนในพิธีแต่งงานอาจจะถูกเก็บไว้กินเพื่อฉลองในวันครบรอบแต่งงานของบ่าวสาวในปีถัดๆ ไปใช้ฉลองในวันที่คลอดลูกคนแรกแต่โดยส่วนใหญ่จะใช้ในพิธีตั้งชื่อบุตรตามหลักศริสต์ศาสนา ซึ่งจะเก็บรักษาเค้กด้วยการนำเข้าช่องแช่แข็งเอาไว้ ส่วนใหญ่จะเก็บชั้นบนสุดของเค้กที่มักจะตกแต่งด้วยผลไม้ซึ่งสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้เป็นระยะเวลานานด้วยการแช่แข็ง (ในสมัยก่อนวิธีการรักษาเค้กให้เก็บไว้ได้เป็นระยะเวลานานๆ ก็คือการใช้น้ำตาลในปริมาณมากๆ เป็นส่วนผสมในการทำและแต่งหน้าเค้ก เพื่อเพิ่มความหนาแน่นและลดช่องว่างไม่ให้อากาศเข้าไปในเนื้อเค้ก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้กหมดอายุหรือเสียเร็วขึ้น)

ความหมายของเค้กสีขาว

White Cake
เค้กมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับเจ้าสาว เนื่องจากโดยส่วนใหญ่สีของเค้กจะเหมือนหรือเข้ากับสีชุดของเจ้าสาวด้วย หากย้อนไปดูในสมัยวิคตอเรีย เค้กที่ใช้ในพิธีแต่งงานก็เป็นสีขาวแต่ไม่ใช่เป็นเพราะความเชื่อ แต่เพราะการทำขนมเค้กเป็นสีต่างๆ ในสมัยก่อนนั้นทำได้ยากเนื่องจากส่วนผสมทุกอย่างเป็นสีขาวหมด แต่ถึงกระนั้นในความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ขนมเค้กแต่งงานต้องเป็นสีขาว เนื่องจากสีขาวสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ และความเชื่อที่ว่าเค้กสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคงก็ยังคงเชื่อถือกันอยู่จนถึงปัจจุบัน
โดยสรุปแล้ว “เค้กแต่งงาน” เป็นขนมหวานที่นิยมใช้เลี้ยงแขกเป็นสิ่งแรกหลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานของคู่บ่าวสาว เป็นตัวแทนแห่ง ความรักและความสุขอีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ของคู่บ่าวสาว ที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันให้ตลอดรอดฝั่ง

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ประเภทของเนื้อเค้ก

เค้กหลากหลายอย่างที่เรากินกันโดยทั่วไปนั้นจริงๆแล้วสามารถแยกชนิดของเนื้อเค้กได้เป็น 3 ชนิดคะ ซึ่งในที่นี้เราไม่ขอรวมเอาพวกชีสเค้กและมูสเค้กเข้ามานะคะ จะขอพูดถึงเนื้อเค้กโดยทั่วๆไปก่อน เนื้อเค้กทั้ง 3 ชนิดนั้นคือ

1. เนื้อบัตเตอร์ หรือบัตเตอร์เค้ก ( Butter Cake )

เนื้อบัตเตอร์เป็นเนื้อที่แน่นที่สุดจากทั้งหมด 3 แบบ เพราะส่วนผสมของขนมจะหนักที่สุดเนื่องจากมีส่วนผสมของเนยค่อนข้างมาก และมีอากาศในเนื้อเค้กน้อยกว่าเค้กอีกสองชนิดจึงทำให้ได้เนื้อเค้กที่ละเอียดมากเนื่องจากรูอากาศในเนื้อขนมมีน้อย การที่บัตเตอร์เค้กมีเนื้อแน่นและมีน้ำหนักมากกว่าเค้กอีกสองชนิดทำให้บัตเตอร์เค้กเป็นชนิดของเนื้อเค้กที่เหมาะกับการนำไปทำเป็นเนื้อเค้กที่ต้องรับนำ้หนักของส่วนผสมอย่างอื่นในเนื้อเค้กที่ค่อนข้างมาก อย่างเช่น เค้กผลไม้ ( fruit cake ) ที่จะต้องมีส่วนผสมของผลไม้แห้งชิ้นเล็กๆในเนื้อเค้กค่อนข้างเยอะ เป็นต้น หากเราผสมส่วนผสมที่น้ำหนักค่อนข้างเยอะในเนื้อเค้กที่เบาจะทำให้เนื้อเค้กนั้นไม่สามารถรับน้ำหนักของส่วนผสมที่เราใส่เข้าไปได้ ทำให้ส่วนผสมจะตกลงไปกองอยู่ที่ก้นพิมพ์ แทนที่จะผสมรวมกับตัวเนื้อเค้กอย่างที่เราต้องการ นอกจากนั้นอาจทำให้เนื้อเค้กที่เบานั้นไม่ขึ้นฟูเท่าที่ควรเพราะมีนำ้หนักของส่วนผสมอื่นในเนื้อเค้กไปกดตัวเนื้อเค้กไว้ ทำให้ตอนอบขนมจะขึ้นฟูได้ยากด้วย 
โดยทั่วไปแล้วบัตเตอร์เค้กจะมีขึ้นตอนการทำคือ เริ่มจากการตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นฟู แล้วจึงใส่ไข่เข้าไปตีด้วย สุดจึงใส่แป้งแล้วส่วนผสมที่เหลือเข้าไป
2. เนื้อสปันจ์ หรือเนื้อฟองน้ำ ( Sponge Cake )

สปันจ์เค้กเป็นเนื้อที่เบากว่าบัตเตอร์เค้กแต่หนักกว่าชิฟฟอนเค้ก ส่วนใหญ่สปันจ์เค้กนิยมนำมาเป็นเนื้อเค้กของเค้กที่มีการแต่งหน้าเค้กแต่อยากให้เป็นเค้กที่กินแล้วไม่รู้สึกหนักเกินไป มักไม่มีการผสมผลไม้, เมล็ดถั่ว หรือส่วนผสมอื่นๆลงในตัวเนื้อเค้กเอง เค้กที่เป็นเลเยอร์ๆหรือเป็นชั้นๆนั้นส่วนใหญ่ที่พบก็จะเป็นสปันจ์เค้ก แยมโรลต่างๆก็มักทำมากจากสปันจ์เค้กเช่นกันคะ

ขั้นตอนการทำสปันจ์เค้กหลักๆจะเป็นการตีไข่แดงและไข่ขาวให้ขึ้นฟูไปพร้อมๆกัน ขั้นตอนการทำสปันจ์เค้กส่วนใหญ่จะเป็นดังนี้คือ เริ่มจากการตีไข่กับน้ำตาลจนฟู จากนั้นจึงเติมส่วนของแป้งลงไป ตามด้วยเนยละลาย(ซึ่งมักจะใช้ในปริมาณไม่มากเมื่อเทียบกับบัตเตอร์เค้ก)

3. เนื้อชิฟฟอน ( Chiffon Cake )


ชิฟฟอนเป็นเนื้อเค้กที่เบาที่สุด ส่วนใหญ่ถ้ามีการแต่งหน้าก็จะแต่งหน้าให้เบาๆ เนื่องจากความที่เนื้อเค้กชิฟฟอนนั้นเบามากจึงไม่สามารถรับน้ำหนักของหน้าที่มากเกินไปได้

ขึ้นตอนการทำชิฟฟอนเค้กที่แตกต่างกว่างเค้กชนิดอื่นคือจะมีการแยกไข่แดงและไข่ขาวเพื่อใช้ทำในคนละขั้นตอนกัน คือมักจะเริ่มจากการผสมไข่แดง กับพวกแป้ง ผงฟู น้ำตาล น้ำมันพืช และอื่นๆรวมไว้ด้วยกันก่อน จากนั้นจะตีไข่ขาวกับน้ำตาลให้ฟูตั้งยอด ซึ่งส่วนนี้จะเรียกว่า เมอร์แรงค์ ( Meringue ) แล้วสุดท้ายจึงน้ำส่วนผสมของไข่แดงมารวมกับส่วนของเมอร์แรงค์ในขั้นตอนหลังสุด

ร้านเค้กเชียงราย

5 ร้านกาแฟเชียงราย บรรยากาศดี น่านั่งชมวิว


1. Ryokan Cafe  เชียงราย

Ryokan Cafe เป็นร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่น ร้านนี้เกิดขึ้นจากความชอบของเจ้าของร้าน ที่ผูกพันกับประเทศญี่ปุ่น และมีของสะสมที่เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นคาเฟ่เก๋ๆ ที่เหมือนได้เข้าไปในบ้านของชาวญี่ปุ่น บรรยากาศรอบๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดปี ทำให้ร้านกาแฟแห่งนี้ เหาะกับการนั่งจิบกาแฟสบายๆ 



ที่อยู่ : ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว
เชียงรายเบอร์โทรศัพท์ Ryokan Cafe : 0818683010
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.30 น.





2. ชีวิตธรรมดาคอฟฟี่เฮ้าส์ เชียงราย

Chivit Thamma Da Coffee House ร้านกาแฟท่ามกลางสวนสวย ร้านกาแฟร้านนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก โดดเด่นด้วยตัวบ้านสีขาว ตัดกับสีเขียวของต้นไม้อันร่มรื่น ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจ ธรรมชาติโดยรอบช่วยให้บรรยากาศโดยรวมของร้านดูดี เหมาะกับการจิบชา กาแฟ พร้อมๆ กับการพักผ่อนในวันสบายๆ


ที่อยู่ : 179 หมู่2 ซอยร่องเสือเต้น 3 ถนนพหลโยธิน ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย เชียงราย
เบอร์โทรศัพท์ ชีวิตธรรมดาคอฟฟี่เฮ้าส์ : 0819842925 , 053020102 , 053166967
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 19.00 น.


3. Connect Cafe เชียงราย

Connect Cafe เชียงราย บรรยากาศนั่งสบาย ลมชิวๆ เพลงสบายๆ ตกแต่งได้อย่างน่ารัก และผสมผสานความย้อนยุคหน่อยๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่ากว่าหลายปี จำหน่ายอาหารสไตล์โฮมเมด สลัดผักสดๆจากโครงการหลวง เครื่องดื่มกาแฟ ใช้เมล็ดกาแฟจากท้องถิ่น ที่มีความหอมกรุ่น น่ารับประทาน


ที่อยู่ : 170-171 หมู่18 ถนนประสพสุข ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย เชียงราย
เบอร์โทรศัพท์ Connect Cafe เชียงราย : 0896333035 , 053754181
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 20.00 น.



4. Manorom มโนรมย์

ร้านมโนรมย์ เป็นร้านแนวคาเฟ่น่าจะเปิดมาได้ประมาณปีกว่าๆ ละ ได้โลเกชั่นดีพอสมควร คือนอกจากจะตั้งอยู่ใกล้ริมน้ำกกแล้วยังได้ร่มเงาของต้นจามจุรีย์ยักษ์อีกด้วย ชอบบรรยากาศและความร่มรื่นของที่นี่มาก เมื่อเปรียบสไตล์การแต่งร้านของมโนรมย์กับชีวิตธรรมดา ร้านนี้จะดูโปร่งกว่า เห็นตัวอาคารสีขาวชัดเจน อาณาบริเวณพื้นที่โดยรอบเป็นแบบเปิดกว้างทำให้เห็นทัศนียภาพโดยรอบ ร้านมโนรมย์จะเน้นขายแต่เครื่องดื่มและเค้กเป็นหลัก หลังๆเริ่มมีเมนูอาหารคาวเข้ามาแทรกด้วย จุดเด่นของร้านนี้น่าจะเป็นบรรยากาศแนว Colonial และการบริการ



ที่อยู่ : 499/2 หมู่ 2  ตำบลรอบเวียง  อำเภอเมืองเชียงราย  จังหวัดเชียงราย 57000
เบอร์โทรศัพท์ร้านมโนรมย์ : 0923737766
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 09:00-20:00 น.



5. Melt in Your Mouth เมลท์อินยัวร์เมาท์

Melt in your mouth นับเป็น 1 ใน 3 ของร้านอาหารสไตล์คาเฟ่ที่น่านั่งที่สุดในเชียงราย ทั้งในเรื่องความร่มรื่น การจัดสวน การตกแต่งร้าน และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ใน English Garden เมนูเครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายเหลือเกิน ที่นิยมทานคงไม่พ้นเมนูกาแฟ ส่วนเรื่องของอาหาร ก็ไม่น้อยหน้ากัน หลากหลายเมนูให้เลือกเช่นกัน เมนูอบชีสต่างๆ (เช่น ผักโขมอบชีส หอยลายอบชีส หอยแมลงภู่อบชีส) อาหารจานหลัก (เช่น ไส้กรอกรวม สเต็ก ไก่อบ เบอร์เกอร์ ฯลฯ) พาสต้า (มีให้เลือกมากกว่า 10 ชนิดตั้งแต่เบคอนอบกระเทียม เพสโต้หอยลาย น่ากินที่สุด ส่วนเค้กที่นี่ก็เยอะอย่าบอกใคร มีทั้งเค้กธรรมดา ชีสเค้ก เครปเค้ก บราวนี่ ฯลฯ ใครมีโอกาสได้มาเยือนเชียงราย อย่าลืมแวะมาชิมกันดูนะคะ ครบรสชาติ หลากหลายเมนูมาก ๆ


ที่อยู่ : 268 หมู่ 21 เกาะลอย ตำบลรอบเวียง  อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 57000
เบอร์โทรศัพท์ร้าน Melt in your mouth : 053-711-199 
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : 07:30-20:30 น.




แหล่งที่มา :